วัดป่าสุธัมมาราม
ประมวลภาพ งานทอดกฐินสามัคคีวัดป่าสุธัมมาราม ปี ๒๕๖๓
ขอเชิญร่วมทำบุญทอดกฐินสามัคคี สร้างระบบโซล่าร์เซลล์ ปี ๒๕๖๓
ขอเรียนเชิญร่วมเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี เพื่อร่วมสร้างระบบผลิตไฟฟ้าด้วยโซล่าร์เซลล์และบูรณะศาสนสถานภายในวัดที่ชำรุด ณ วัดป่าสุธัมมาราม บ.หนองกลางเนิน ต.บ้านใหม่ อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ในวันอาทิตย์ที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ( ตรงกับวันขึ้น ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ) เนื่องด้วยวัดป่าสุธัมมาราม อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี กำลังทำการติดตั้งระบบผลิตไฟฟ้าด้วยโซล่าร์เซลล์และบูรณะศาสนสถานภายในวัดที่ชำรุด ทางวัดป่าสุธัมมารามยังขาดทุนทรัพย์เพื่อติดตั้งระบบโซล่าร์เซลล์และบูรณะศาสนสถานอยู่อีกเป็นจำนวนมาก ทางคณะกรรมการวัดป่าสุธัมมาราม จึงขอเรียนเชิญท่านที่มีจิตศรัทธาและใจบุญร่วมสร้างกุศลทานบารมีเพื่อทะนุบำรุงรักษาศาสนสถานในพุทธศาสนาให้ดำรงอยู่นานเท่านาน โดยร่วมกันเป็นเจ้าภาพทอดกฐินสามัคคี ประจำปี ๒๕๖๓ ตามจิตศรัทธา จึงขออนุโมทนาสาธุในบุญกุศลที่ได้ร่วมทำบุญในครั้งนี้ ขออำนวยพรให้บุญบารมีคุณพระพุทธเจ้า คุณพระธรรม คุณพระสงฆ์ และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่เคารพนับถือ จงบันดาลให้ท่านและครอบครัวจงประสบแต่ความสุขความเจริญ ด้วยจตุรพิธพรชัย คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ ธนสารสมบัติ อันพึงปรารถนาทุกประการเทอญ กำหนดการ วันอาทิตย์ที่ ๑๘ ตุลาคม พ.ศ. ๒๕๖๓ ( ตรงกับวันแรม ๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ) เวลา ๐๙.๓๐ น. คณะกฐินสามัคคี ตั้งกองกฐิน วัดป่าสุธัมมาราม เวลา ๑๐.๓๐ น. ถวายภัตตาหารเพลแด่พระสงฆ์ เวลา ๑๓.๓๐ น. พิธีทอดกฐินสามัคคี การสร้างกรรมด้วยชวนะจิตดวงที่หนึ่ง
การสร้างกรรมด้วยชวนะจิตดวงที่หนึ่ง
ถ้าเป็นจิตที่ดี คิดดี ใฝ่ดี ตั้งใจดี เห็นผลของกรรมที่จะตามมา เชื่อในสิ่งที่มีผู้เตือน แนะนำ สอนสั่ง นี้เป็นกลุ่มของ " บัณฑิต "
ส่วนผู้ที่มีจิตทราม คิดชั่ว คิดเลว ดื้อด้าน ไม่เชื่อในสิ่งที่มีผู้เตือน แนะนำ สอนสั่งถึงผลกรรมที่จะตามมา นี้เป็นกลุ่มของ " พาล " เป็นอันธพาล คือพาลทุกเรื่องราว พาลไม่รู้จบ ไม่ลดละที่จะมุ่งมั่นทำความชั่วเพื่อเอาชนะ ใครสอนใครเตือนก็ไม่ฟัง ไม่รับรู้ ไม่ยอมแก้ไข กล่าวร้ายโทษแต่ผู้อื่นไม่ยอมหันมองตนเอง
คนกลุ่มหลังมีมากมายมหาศาล จึงพระพุทธศาสดาตรัสสอนไว้ว่า
" เมื่อตายเพราะกายแตก การจะได้กลับมาเกิดเป็นมนุสนั้นเป็นเรื่องยาก ที่จะได้เกิดเป็นเทวดาเป็นเรื่องที่ยากกว่าแทบเป็นไปไม่ได้ แต่การที่ตายเพราะกายแตกแล้วจิตของเจ้าของ จะได้โอกาสไปเกิดในอบายภูมิทั้งสี่นั้นเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าสิ่งใด "
ทุกวันนี้เราจะสังเกตเห็นได้ไม่ยากว่า หมู่ญาติ มิตร คนรู้จักมักคุ้น เมื่อตายไปแล้วก็กลับมาเกิดอยู่ใกล้ๆ แต่เป็นสัตว์เดรัจฉานเสียเป็นส่วนมาก ที่จะมาเกิดเป็นคนเป็นหมู่ญาติมีน้อยยิ่งนัก แทบจะหาไม่ได้กันเลยละ นี่ก็เพราะการสร้างกรรมด้วยชวนะจิตดวงที่หนึ่ง
ลองศึกษา " ธรรมเก้าประการอันเกิดแต่ความทะยานอยาก " ที่หลวงตาเคยชี้แนะแจกแจงไว้แล้ว บุญรักษา
ธรรม ๙ ประการอันเกิดจากความทะยานอยาก
หลวงตาขอนำเอาคำสั่งสอนขององค์พระพุทธศาสดาที่ฝากเอาไว้ว่า บุคคลที่จะเป็นภัยต่อพุทธศาสนานั้นก็คือคนในพระพุทธศาสนาเอง และสำคัญยิ่งคือที่อยู่ใกล้ชิดด้วย คือเป็นนักบวชที่อยู่ภายในร่มใต้คำสอนของพระพุทธองค์ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะว่าไม่ยอมศึกษา แต่เข้ามาเพียงแค่อาศัย แล้วเมื่อได้ลาภสักการะก็เกิดติดใจ ทำให้เกิดความทะยานอยากขึ้น จึงแสวงหาช่องทาง เมื่อได้ช่องทางการหาลาภก็ได้ลาภสมใจอยาก จึงเริ่มวินิจฉัย เมื่อวินิจฉัยแล้วก็เกิดความพึงใจ เมื่อพึงใจก็ตกลงปลงใจ ก็จะแสวงหามาก เมื่อได้มากก็เกรงว่าจะมีผู้อื่นมาแย่งชิง ก็เกิดความรู้สึกว่าจะต้องป้องกัน ก็จะเริ่มมีการทะเลาะวิวาท มีการด่าทอกันด้วยวาจาอันเป็นผรุสวาจา ที่สุดก็มีการทำร้ายทำลายกันจนถึงขั้นเข่นฆ่ากันในที่สุด ธรรมที่เกิดขึ้นเป็นขั้นเป็นตอนนั้น ก็เป็นคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ที่ได้สั่งสอนเอาไว้แล้ว เรียกว่า ธรรม ๙ ประการอันเกิดจากความทะยานอยาก ซึ่งก็เป็นธรรมที่ต้องเกิดขึ้นต่อเนื่องเป็นขั้นเป็นตอน เฉกเช่นเดียวกับ สมุปบาทธรรม คือธรรมที่อาศัยซึ่งกันและกันในการเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในการทำอกุศลธรรม คือ เมื่อทะยานอยาก ก็จะแสวงหา เมื่อแสวงหา ก็จะได้มาซึ่งลาภนั้น เมื่อได้ลาภมา ก็จะวินิจฉัย เมื่อวินิจฉัย ก็จะมีความกำหนัด (ความคิด) ด้วยอำนาจแห่งความพอใจ (ตกลงปลงใจ) เมื่อมีความกำหนัดด้วยอำนาจแห่งความพอใจ ก็จะเกิดความฝังใจ เมื่อมีความฝังใจ ก็จะเกิดความหวงแหน เมื่อหวงแหน ก็จะเกิดความตระหนี่ เมื่อเกิดความตระหนี่ ด้วยอำนาจแห่งความตระหนี่ ก็จะเกิดการป้องกันอารักขา เพราะมีการป้องกันอารักขาเป็นเหตุ จึงเริ่มมีการโต้เถียง จับไม้ จับศัสตราอาวุธ ชี้หน้า พูดจาขัดแย้ง ส่อเสียด ด่าทอ โป้ปด ลงมือทำร้ายกัน ทุบตีกัน ที่สุดก็เข่นฆ่ากันด้วยกรรมวิธีแตกต่างนานัปการ (ไม่จำเป็นต้องฆ่าให้เสียชีวิต แต่ว่าฆ่าให้หมดหนทางที่จะดำเนินชีวิตต่อ หรือหมดหนทางทำมาหากิน ก็ถือเป็นการฆ่า) ทั้งนี้ก็เป็นเหตุมาจากความทะยานอยากทั้งสิ้น นี่ก็เพราะไม่ศึกษา ไม่วินิจฉัย ไม่อยู่ในศีลไม่อยู่ในธรรมอันงามที่พระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอนเอาไว้แล้ว แต่กลับเอาวิสัยปุถุชนที่เคยคุ้น ไม่ศึกษาคำสอน แต่กลับไปรับเอาคำสอนที่ผิดๆ ดังที่ได้กล่าวไว้แล้วว่าภัยที่ร้ายแรงคือคนใน ที่เรียนผิด ทรงจำผิด วินิจฉัยผิด แล้วก็ถ่ายทอดผิด นี่เป็นตัวอย่างที่พระพุทธองค์ได้ทรงสั่งสอนเอาไว้แล้ว ด้วยทรงวินิจฉัยแล้ว จึงได้นำเอามาสั่งสอน เตือนเอาไว้ก่อน พระพุทธองค์ได้ทรงแสดงธรรมเปรียบเทียบแก่นสารแห่งพระพุทธศาสนาให้แก่พราหมณ์ผู้หนึ่งชื่อว่า ปิงคลโกจฉะ ที่สมัยหนึ่งได้เข้าเฝ้าพระพุทธองค์ ณ เชตวนาราม ใกล้กรุงสาวัตถี มีความพอสรุปได้ว่า เมื่อบวชเข้ามาในศาสนาแล้ว ธรรมห้าประการเหล่านี้ก็จะเกิดขึ้น จะมีคนเลื่อมใส ได้ลาภ มีชื่อเสียง เปรียบได้กับกิ่งใบของต้นไม้ใหญ่ที่สวยงาม ต้องไม่หยุดอยู่เท่านั้น ต้องมีความพึงใจที่จะต้องรักษาศีลให้งามยิ่งๆ ขึ้น จนถึงระดับศีลสัมปทา คือความสมบูรณ์ด้วยศีล เปรียบได้ดั่งสะเก็ดไม้ของต้นไม้ใหญ่ ต้องไม่หยุดอยู่เท่านั้น ต้องมีความพึงใจที่จะฝึกฝนจิตให้ตั้งมั่นอยู่ในสมาธิให้มากยิ่งๆ ขึ้น ซึ่งก็เปรียบได้ดั่งเปลือกไม้ของต้นไม้ใหญ่ เมื่อเจริญสมาธิจนมีจิตที่เจริญยิ่งในสมาธิแล้ว ก็ต้องไม่หยุดอยู่เท่านั้น ต้องมีความพึงใจพอใจที่จะศึกษาเจริญปัญญาให้เจริญยิ่งขึ้นจนถึงขั้นเกิดญาณทัสสนะ ซึ่งเปรียบได้ดั่งกระพี้ของต้นไม้ใหญ่ เมื่อเจริญปัญญาจนถึงขั้นญาณทัศนะแล้ว ก็ต้องไม่หยุดอยู่เพียงเท่านั้น ต้องมีความพึงใจพอที่จะเจริญปัญญาให้เจริญยิ่งๆ ขึ้น จนเข้าถึงความหลุดพ้นแห่งใจโดยไม่กลับมากำเริบอีก มีความแตกฉานแจ้งในธรรม ซึ่งเปรียบได้ดังแก่นไม้ของต้นไม้ใหญ่ เช่นนี้จึงจะเอาตัวรอด และสามารถถ่ายทอดธรรมอันงามเพื่อที่จะยังให้พระพุทธศาสนาดำรงคงอยู่อย่างถูกต้องตรงธรรม สมดั่งคำสั่งสอนของพระพุทธองค์ที่ได้ทรงตรัสรู้ธรรมอันงามเหล่านั้น และได้ทรงพระเมตตาอย่างยิ่งยวดเพื่อถ่ายทอดสั่งสอน ต้องผจญกับภัยต่างๆ ที่กิเลสของสัตว์ผู้ยากไร้กระทำต่อพระองค์ และพระองค์ก็ไม่ย่อท้อ ไม่หลีกเลี่ยง แต่ทรงผจญกับกรรมเหล่านั้นโดยไม่สร้างกรรมตอบโต้ ไม่ทรงกระทำให้สัตว์เหล่านั้นต้องลำบากแม้ในชาตินี้และชาติหน้า แม้สัตว์เหล่านั้นต่างก็ต้องรับผลแห่งกรรมของตนอยู่แล้ว ต้องเกิดใหม่เพื่อรับผลของกรรมที่ได้สร้างเอาไว้ด้วยตนเอง ไม่อาจหลีกหนีได้
ถ้ายังไม่ตายเสียก่อน มีโอกาสก็จะมาเล่าสู่กันใหม่ วันนี้พอเพียงเท่านี้
บุญรักษา
|