ธัมม(ะ) ร่วมสมัย ทั้งปีใหม่และตรุษจีน

เช้านี้ปวดหัวมาก สมองเลอะเลือน ปวดเบ้าตา วูบๆ ก็เลยมาสาธยายธัมม ให้ได้วินิจฉัย

จากพระธัมมคำสอนของปู่ใหญ่พุทธสาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า พระองค์ท่านสอนไว้ว่า

" ผู้รู้ย่อมรู้ในสิ่งเดียวกัน " " เส้นทางของอรหันต์เปรียบได้ดั่งเส้นทางนกบิน " " เหมือนรอยขีดบนพื้นทราย " ย่อมหายไปเมื่อโดนคลื่นน้ำ และอีกมาก มาก ที่สำคัญ แต่ผู้ใฝ่หาเห็นแล้วก็ละทิ้ง

วันนี้จึงยกมาแจกแจงแดกดันอีกครั้ง......

ผู้รู้ย่อมรู้ในสิ่งเดียวกัน ผู้เขลาย่อมแสวงหาในสิ่งที่เขลา มัวแต่หาไม่ดูตนเอง

" เพียรข่มอบรมไป สว่างใจเกิดขึ้นเอง " ภาษิตนี้สอนมานานมากแล้ว

ส่วน " สัญญาเวทยิตนิโรธ ต้องดับโกรธเสียก่อนจึงจะได้ " นี้ก็สอนมานานเหมือนกัน เหตุเพราะธรรมตรงหน้ามันกระทบจึงกล่าวออกไปให้กระทบหู ทั้งมนุษย์ เทวดา มาร พรหม และหมู่สัตว์

ธัมมอยู่ใกล้กลับไปหาในที่ไกล หาอะไรตัวเองยังไม่รู้ แล้วเมื่อไรจะรู้ เพราะเขลาจึงมีแต่กิเลส ก็เลยชอบที่จะ " ใช้กิเลสตนตัดสินผู้อื่น " นี่ละคือ " เขลา " เขลาเพราะยังดับโกรธไม่ได้

โกรธเริ่มที่ใจ ใจคือความคิดที่สั่งสมแต่กิเลส ส่งผลให้จิตหมอง จิตเป็นตัวรับรู้อารมณ์ จิตจึงไม่แจ่มใสไม่สว่าง

จิตหมองเป็นที่เกิดของอารมณ์หมองแล้วก่อตัวไปจนถึงโกรธ ( ภาษาธัมมว่า " โมโห " )

ในเมื่อยังไม่ฝึกฝนพากเพียรเพื่อดับโกรธ ก็ฝึกอะไรไม่ได้ ฐานที่มั่นสำคัญของอานาปานสติ อยู่ที่อารมณ์ ตราบใดที่อารมณ์ยังหมอง " จิต และ ใจ " ย่อมหมอง มัว ขุ่น จนถึงมืดบอด แล้วเมื่อไรจะ " สว่างใจ " ละ

" จิตใส ใจสว่าง " โกรธดับแล้ว อารมณ์ก็แจ่มใส ปัญญาก็เกิด

 

“ หลวงตากิตติญาโณ “ “ กิตติญาณเถร “ “ กิตติญาณภิกขุ “ “ พระบ้าฟั่นเฟือน “ “ พระอะไรสอนบ้าๆ “ “ หลวงพ่อไฮเทค “ “ หลวงตาติงต๊อง “ “ พระเก้ “ และอีกมากมายหลากหลายฉายา ขึ้นอยู่กับธรรมตรงหน้า บ้าๆ บอๆ ติงต๊อง เป็นปกติ เหตุเพราะ จิตแจ่มใส ใจเบิกบาน ปัญญาสว่าง ในพระธัมมคำสอน สาธุ สาธุ สาธุ......

บุญรักษา